การอุดหนุนงบประมาณให้โรงเรียนสังกัด สพฐ.
การอุดหนุนงบประมาณให้โรงเรียนสังกัด สพฐ.
การอุดหนุนงบประมาณให้โรงเรียนสังกัด สพฐ.
หลายคนทั้งสังกัด อปท. และ สพฐ.ต่างก็กังขา ในแนวทางปฏิบัติเรื่องการอุดหนุนของท้องถิ่นแต่ละแห่งที่ไม่เหมือนกัน ความจริงแล้ว ไม่ว่าท้องถิ่นใดใช้ระเบียบปฏิบัติตัวเดียวกัน แต่เข้าใจไปคนละอย่างสองอย่าง จึงทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย
ฝ่าย สพฐ. ก็สงสัยว่าทำไม อปท. จึงไม่อุดหนุนโรงเรียนโรงเรียนของ สพฐ. ทั้งๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของ อปท. นั้น ฝ่าย อปท. เองก็อยากอุดหนุน เพราะเด็กนักเรียนเหล่านั้นเป็นเด็กของท้องถิ่นทั้งนั้น ไม่มีผู้นำท้องถิ่นคนไหนที่มองเห็นลูกของตนเองขาดแคลนแล้วไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
แล้วติดขัดอยู่ตรงไหน คำตอบอยู่ที่ทุกกระทรวงต่างก็ได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณกันมาเพื่อพัฒนาลูกๆ ของตนเอง ตามสัดส่วนของคน ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาเรียบร้อยแล้ว แต่ สพฐ. ดูแลได้ไม่ทั่วถึง เพราะมีลูกมาก การที่มาขอรับการอุดหนุนจาก อปท. อีก เท่ากับ อปท. ไม่ได้เลี้ยงลูกตัวเองให้อิ่มก่อน แต่กลับเอาไปเลี้ยงลูกคนอื่น ทางกระทรวงต้นสังกัดจึงออกระเบียบมาเพื่อป้องกันการจ่ายงบประมาณที่ซ้ำซ้อน โดยมีหน่วยงาน สตง. เป็นผู้ตรวจสอบการใช้เงินให้ถูกต้องอีกสำทับหนึ่ง
มีหนังสือที่เกี่ยวข้อง 2 ฉบับ คือ.
1. มท 0893.3/ว 0020 ลว 6 มกราคม 2552 เรื่อง การอุดหนุนงบประมาณให้โรงเรียนสังกัด สพฐ.
2. มท 0898.2/ว 2611 ลว 4 สิงหาคม 2547 เรื่อง ตั้งงบรายจ่ายและการใช้จ่ายงบหมวดเงินอุดหนุน อปท.
เพิ่มเติม
3. มท 0808.2/ว3616 ลว. 24 มิถุนายน 2559 ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2559
นับแต่นี้ไป อปท.สามารถอุดหนุน โรงเรียนสังกัด สพฐ. ได้ ตั้งแต่ วัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน ค่าจ้างครูที่ขาดแคลน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ยกเว้นที่ค่าดินสิ่งก่อสร้าง เพราะ พรบ. การศึกษาแห่งชาติ มาตรา 60 (4) ระบุไว้ชัดเจนว่า งบลงทุนเป็นหน้าที่ของรัฐ ดังนั้น จึงไม่ใช่หน้าที่ของท้องถิ่นที่จะต้องอุดหนุนเรื่องที่ดินสิ่งก่อสร้าง ผู้เขียนขอนำเสนอแนวทางที่ปฏิบัติได้จริง ซึ่งมีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยากสำหรับผู้ขอรับงบอุดหนุน จาก อปท. แต่เพื่อลดความกดดันและการทำผิดระเบียบฯ จึงมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
1. โรงเรียนที่จะขอรับเงินอุดหนุนจาก อปท. ต้องเขียนโครงการระบุวัตถุประสงค์โดยละเอียดว่าต้องการเงินไปทำอะไร จำนวนเท่าไร
2. โรงเรียนต้องนำโครงการดังกล่าวฯ เข้าที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนขอความเห็นชอบ (โดยแนบหลักฐานรายงานการประชุมให้ อปท. ด้วย)
3. โรงเรียนต้องเสนอโครงการดังกล่าวไปยังเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อเข้าที่ประชุมคณะกรรมการด้านการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อยืนยันว่าเขตพื้นที่ ไม่มีงบประมาณสนุนสนุนจริง (โดยแนบรายงานการประชุมของคณะกรรมการฯ ให้ อปท. ด้วย)
4. โรงเรียนนำโครงการดังกล่าว ไปขอรับการอุดหนุนจาก อปท. ล่วงหน้า 1 ปี (ส่งประมาณเดือนมิถุนายนของทุกปี)
5. อปท.นำโครงการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการด้านการศึกษาของ อปท. นั้นๆ ถ้าไม่ผ่านก็ตกไป ถ้าผ่าน
6. อปท. จะนำใส่ไว้ในแผนพัฒนา อปท. 3 ปี และตราเป็นเทศบัญญัติ/ข้อบัญญัติ
7. โรงเรียนทำหนังสือขออนุมัติรับการอุดหนุน(ใช้เงิน) หลังจากที่เทศบัญญัติ/ข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้
8. เมื่อโรงเรียนนำงบประมาณไปใช้แล้ว เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ โรงเรียนต้องรายงานการใช้งบประมาณโดยละเอียด พร้อมภาพประกอบ หากงบประมาณเหลือจ่าย ต้องส่งคืน อปท.
9. หากตรวจพบว่าโรงเรียนนำงบประมาณไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในโครงการฯ อปท. สามารถเรียกเงินคืนได้
10. เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เมื่อ สตง. ตรวจสอบและเกิดข้อสงสัย อปท. จะชี้นำให้ สตง. ลงไปตรวจสอบ ณ โรงเรียนนั้นได้เช่นกัน
ต่อไปนี้ อปท. ทั่วประเทศ คงไม่ตกเป็นจำเลยของ สพฐ. ที่กล่าวหาว่า อปท. ไม่อุดหนุน ก่อนที่จะคิดในสิ่งที่เป็นลบ โปรดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ว่าทุกกระทรวงเขาก็มีระเบียบและแนวทางปฏิบัติของเขาเหมือนกัน จงช่วยเหลือตนเองก่อนที่จะให้ผู้อื่นช่วยเหลือ
CR: จินตนา คงเหมือนเพชร นักบริหารการศึกษา กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.ภูเก็ต
เขียนโดย คุณ อบต.ป่าอ้อ
วันที่ 24 ก.พ. 2565 เวลา 13.58 น. [ IP : 182.53.132.14 ]
วันที่ 17 ธ.ค. 2565 เวลา 23.19 น. [ IP : 184.82.99.197 ]
(1)